[Review] COLOUD BOOM หูฟังสุดจี้ดที่ไม่ได้มีดีแค่สี - kahonoii blog

Tuesday, July 8, 2014

[Review] COLOUD BOOM หูฟังสุดจี้ดที่ไม่ได้มีดีแค่สี



เมื่อช่วงอาทิตย์ก่อนในขณะที่กำลังนั่งเรือโดยสารชมบรรยากาศริมคลองแสนแสบ (ใช่เหรอ?) ด้วยความที่เสียงเครื่องยนต์มันช่างแหลมสูงจนปวดหัวจึงหยิบหูฟัง SONY ตัวเก่งขึ้นมาเพื่อบรรเทาเสียงอันน่ารำคาญ...ว่ากันตามจริงแล้ว “หูฟังตัวเก่ง” ที่ว่าคือหูฟังที่แถมมากับ Xperia TX ที่ซื้อเมื่อปีก่อนนู้น
อาการหูฟังเสียนี้ก็เป็นอาการทั่วไปที่ใครๆ ก็เคยเจอคือสายสัญญาณขาด ซึ่งส่วนตัวแล้วเจอสภาพนี้มาหลายครั้งหลายคราเฉลี่ยแล้วก็เปลี่ยนหูฟังเกือบทุกปี จะมีก็ตัวนี้ที่นานกว่าใคร แล้วซื้ออะไรมาใช้แทนดี? คำถามนี้คิดไม่ตกเพราะตลาดหูฟังก็แข่งกันไม่แพ้มือถือ แถมอยากฟังเสียงเทพๆ ราคาก็เอื้อมไม่ถึง...และหูไม่ถึงด้วย จนมาพบกับหูฟังตัวนี้ COLOUD BOOM

จริงๆ ก็ไม่ได้รู้จักอะไรหรอกเพราะไม่ได้ตามฝั่งหูฟังเลย...เพราะหูไม่ถึงนี่แหละ แล้วทำไมถึงรู้จักได้ สาเหตุเป็นเพราะไอดอลล้วนๆ คือเพลง Natsu no Free & Easy ของวง Nogizaka46 ที่ทั้ง PV อุดมไปด้วยหูฟังหลากหลายยี่ห้อ และตัดสินใจเอาตัวนี้ตามสมาชิกวงที่ชอบที่สุดคืออิโคมะ รินะ


COLOUD เป็นแบรนด์หูฟังที่เด่นในเรื่องดีไซน์ โดยมีสีสันสดใสกระแทกใจวัยรุ่นแถมยังมีสีให้เลือกหลากหลาย และนอกจากรูปลักษณ์แล้วการใช้งานก็ยังง่ายและครอบคลุมมาก โดยไลน์สินค้าจะแบ่งเป็น THE POP, THE KNOCK และ THE BOOM ซึ่ง THE POP จะเป็นไลน์สินค้าเดียวที่เป็นหูฟังแบบ In-ear และสินค้าที่แพงที่สุดก็คือ COLOUD BOOM



ดีไซน์

COLOUD BOOM มาด้วยสายสัญญาณแบบสมัยนิยมคือ “สายแบน” เพื่อป้องกันการพันกันของสาย และมาพร้อมหัวเสียบแบบ 3.5 มิลลิเมตร แต่มีความพิเศษตรงสายสัญญาณใกล้หัวเสียบจะงอได้และมีรูปสำหรับเสียบหัวเสียบเวลาเก็บสายสัญญาณ (ในคู่มือมีวิธีเก็บสายด้วย)
สำหรับส่วนครอบหูในคู่มือโม้ไว้ว่าออกแบบให้เข้ากับองศาของหูที่หลากหลาย ส่วนตัวใช้แล้วพบว่ากำจัดเสียงภายนอกได้ดีในระดับหนึ่ง ให้เสียงก้องรอบด้านมีมิติไม่น้อย แต่เมื่อใช้เป็นเวลานานมักปวดบริเวณใบหูเพราะมีวัตถุกดทับซึ่งเป็นปกติของหูฟังชนิดนี้ สำหรับโฟมรองนั้นนิ่มกำลังดี ส่วนสายคาดหัวก็มีโฟมรองเช่นกัน (รุ่น KNOCK สายคาดจะเป็นพลาสติกล้วน)
วัสดุของหูฟังทำจากพลาสติก ในใบคู่มือแนะนำให้ทิ้งในถังขยะอิเล็คทรอนิกส์ อนึ่ง ในคู่มือโม้ไว้ว่าพลาสติกที่ใช้ผลิตหูฟังสามารถนำมารีไซเคิลได้ รักโลกจริงๆ

ลองเสียบกับ Surface 2

เสียง

ในคู่มือมีอธิบายไว้แต่อ่านแล้วไม่ค่อยเข้าใจ แต่จากที่ลองฟังมาได้สักพักพบว่าเสียงที่ได้นั้นครอบคลุมทั้งสูง กลาง ต่ำ ไม่รู้สึกขาดหรือเกินไป จะมีบ้างก็ตรงที่เสียงต่ำจะชัดเจนกว่าเสียงสูง เช่นเพลงฝั่ง J idol ที่มีโทนเสียงสูงมากหน่อยแต่ไม่ได้รู้สึกลำบากเกินไป โดยเพลงที่เหมาะกับหูฟังชนิดนี้ก็ได้ทุกแนวเพลงแต่จะออกกลางๆ มากกว่า คือไม่จัดไปว่าต้องเป็นเพลงแนวใดแนวหนึ่งโดยเฉพาะ แต่ถ้าเพลงที่เน้นเสียงสูงเป็นจำนวนมากก็ไม่แนะนำเท่าไรเพราะเสียงสูงจะขับออกมาได้ไม่ใสเท่าที่ควร เช่นเพลงของ Kyary Pamyu Pamyu แต่ฟังได้นะ เพลง Rock ก็ลองแล้วรู้สึกเสียงแน่นดี กลองตุ้บตั้บ ตอนลองก็ RHCP บ้าง Paramore บ้าง ONE OK ROCK บ้าง Nirvana บ้าง ไม่รู้สึกขัดเท่าไร อย่างแนวเมทัลก็ลอง BABYMETAL (เลือกที่เพลงที่ดนตรีเน้นเมทัล) ก็จัดว่าพอเหมาะ - แต่ถ้าอยากได้เสียงดีๆ คงต้องหาที่ดีกว่านี้ และรีวิวดีกว่านี้ อันนี้มาแบบหูบ้านๆ เลยนะ

การใช้งาน
ตัว COLOUD BOOM จะมีไมโครโฟนและมีปุ่มควบคุมการใช้งานอยู่ 1 ปุ่ม
·      กด 1 ครั้งจะเป็นการ Play และ Pause ในโหมดโทรศัพท์กดครั้งแรกจะเป็นการรับสาย และอีกครั้งเพื่อวางสาย
·      กด 2 ครั้ง เพื่อเล่นเพลงถัดไป
·      กด 3 ครั้งเพื่อเล่นเพลงก่อนหน้า
ทาง COLOUD บอกว่าการควบคุมดังกล่าวเป็นมาตรฐานทั่วไปที่มีใช้ในผลิตภัณฑ์ของ Blackberry HTC และ Apple - ทั้งนี้อย่างที่รู้ว่ามือถือ SONY ถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่หาความเข้ากันได้กับหูฟังยากมาก บ้างก็โทรไม่ได้ เสียงไม่ออก แต่ไม่มีปัญหากับ COLOUD
ปุ่มควบคุม

การสวมใส่ อย่างที่รู้ว่าหูฟังชนิดนี้มักนำมาห้อยคอ อันนี้ไม่แนะนำเท่าไรเพราะขอบสายคาดมันจะมาจิ้มตรงคอพอดี มันค่อนข้างเจ็บแม้จะใช้เป็นยางที่ไม่แข็งมากแต่มันจิ้มนานๆ ก็เกิดอาการ แต่ไปเห็นของต่างประเทศมาหูฟังจำพวกนี้เขาเอาไปหนีบกล่องใหญ่ๆ ก่อนให้ขามันถ่างๆ เพื่อเวลาใช้จริงจะไม่บีบแรงเกินไป

สรุป

เป็นหูฟังที่ดีไซน์สวย การใช้งานทำได้ดีครอบคลุมกิจกรรมการใช้งานพื้นฐาน ให้เสียงกำลังเหมาะแต่จุดด้อยก็คงเป็นเสียงที่ยังทำเสียงสูงที่ไม่ใส่ชัดเจน และการควบคุมที่ไม่มีปุ่มสำหรับเพิ่มลดเสียง ทำให้การเพิ่มลดไม่สะดวกเท่าที่ควร

สำหรับใครที่อยากได้หูฟังสีสวยๆ เจ็บๆ คุณภาพเสียงไม่แย่ ก็ถือว่า COLOUD BOOM เป็นหูฟังที่มีคุณภาพคุ้มค่า เมื่อเทียบกับราคาค่าตัวเพียงแค่ 990 บาท หาซื้อได้ตามร้านทั่วไป

 

 

 

No comments: